แพทก็เป็นคนนึงนะ ที่มองเห็นข้อดีของสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ทั้งที่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา มันหนักหนาสาหัสมากๆ
นอกจากแพทจะเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวที่ตอนนี้ตกงานอย่างไม่มีกำหนดแล้ว คอนเทนท์เขียนไปก็ไม่มึใครอ่าน ครอบครัวแพทยังทำธุรกิจรถเช่า ครอบครัวสามีทำร้านอาหาร/โรงแรม เอาตรงๆคือพินาศมาก กระทบเต็มๆ ไหนจะความรู้สึกของพ่อแม่เรากับสิ่งที่สร้างมา ไหนจะความรู้สึกการจากลาของพนักงานหลายคนที่อยู่กันเหมือนครอบครัวมานับสิบปี จากเป็นบางทีก็เจ็บไม่ต่างกับจากตายนะ เพราะสุดท้ายเราก็อดโทษตัวเองไม่ได้ แพทเองผู้เคยมั่นหน้ามั่นโหนกนัก ว่าบ้านมีธุรกิจมั่นคง ชาตินี้ไม่มีวันอดตาย วันนี้มันโหวงเหวงมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไป ฝันที่คิดว่าลูกครบขวบจะจัดงานแต่งงาน ตอนนี้ไม่กล้าฝันอะไรมากไปกว่าขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติก็พอแล้ว
ถ้าเราเอาแต่มองสิ่งทีเราเสียไป คงโคตรทุกข์ แต่พอเราปล่อยวางได้นะ มันเบาเลย ก็มันเกิดขึ้นไปแล้วก็ช่างมัน เหมือนเอาทุกอย่างที่แบกไว้หนักๆโยนทิ้งไปเลย พอทำได้ปุ๊บ เราก็เริ่มเห็นแต่สิ่งที่เราเหลืออยู่ เรายังมีพ่อแม่พี่น้อง สามี ลูก ที่รักเรา ยังมีข้าวกินอิ่ม ได้ใช้เวลากับพ่อแม่เราทั้งวัน นานแล้วนะ ที่ไม่ได้อยู่บ้านกับแม่ทั้งวันนานๆแบบนี้ นึกย้อนไปก็ตั้งแต่ตอนแม่ลาออกมาเลี้ยงเราตอนเด็กๆ มองเห็นพัฒนาการของลูกที่เติบโตอย่างสมบูรณ์ในทุกๆวัน ถ้าเป็นปกติ เราคงไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูเค้าใกล้ชิดขนาดนี้เนาะ ได้เห็นความสามัคคีของครอบครัวที่พยายามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ทำให้รู้ว่าเรารักกันมากขนาดไหน ทุกอย่างนี้มันมองเห็นเองหลังจากปล่อยวางได้ โดยที่ไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องหลอกตัวเองแต่อย่างใด
สำหรับใครที่กำลังทุกข์ ท้อแท้ ผิดหวัง แพทขอบีบมือเป็นกำลังใจให้นะคะ อวยพรให้ทุกคนสามารถโยนความทุกข์ที่แบกไว้ทิ้งไปได้ และผ่านจุดนี้ไปด้วยกัน วันหนึ่งอีกสิบปีข้างหน้า เราจะได้เอามาเล่าให้ลูกหลานฟัง ว่าเราเคยผ่านช่วงชีวิตที่เลวร้ายมาได้อย่างสวยงาม 😊